เมนู

ฤาษีบุรพาจารย์ของพราหมณ์


ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอก็เช่นนั้นเหมือนกัน บรรดาฤาษีผู้เป็น
บุรพาจารย์ของพวกพราหมณ์ คือ ฤาษีอัฏฐกะ ฤาษีวามกะ ฤาษีวาม-
เทวะ ฤาษีเวสสามิตร ฤาษียมตัคคี ฤาษีอังคีรส ฤาษีภารทวาชะ
ฤาษีวาเสฏฐะ ฤาษีกัสสปะ ฤาษีภคุ
ซึ่งเป็นผู้ผูกมนต์ บอกมนต์ ใน
ปัจจุบันนี้ พวกพราหมณ์ขับตาม กล่าวตาม ซึ่งบทมนต์ของเก่านี้ที่ท่าน
ขับแล้ว บอกแล้ว รวบรวมไว้แล้ว กล่าวได้ถูกต้อง บอกได้ถูกต้อง ตาม
ที่ท่านกล่าวไว้ บอกไว้ เพียงคิดว่า เรากับอาจารย์เรียนมนต์ของท่าน
เหล่านั้น เธอจักเป็นฤาษีหรือปฏิบัติเพื่อเป็นฤาษีได้ ดังนี้ นั่นไม่เป็น
ฐานะที่จะมีได้.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เธอได้ฟัง
พราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เป็นอาจารย์ และเป็นปาจารย์ เล่ากันมาว่าอย่างไร
บรรดาฤาษีผู้เป็นบุรพาจารย์ของพวกพราหมณ์ คือ ฤาษีอัฏฐกะ ฤาษี
วามกะ ฤาษีวามเทวะ ฤาษีเวสสามิตร ฤาษียมตัคคี ฤาษีอังคีรส
ฤาษีภารทวาชะ ฤาษีวาเสฏฐะ ฤาษีกัสสปะ ฤาษีภคุ
ซึ่งเป็นผู้ผูก
มนต์ บอกมนต์ ในปัจจุบันนี้ พวกพราหมณ์ขับตาม กล่าวตาม ซึ่งบท
มนต์ของเก่านี้ที่ท่านขับแล้ว บอกแล้ว รวบรวมไว้แล้ว กล่าวได้ถูกต้อง
บอกได้ถูกต้องตามที่กล่าวไว้ บอกไว้ ฤาษีเหล่านั้นอาบน้ำทาตัวเรียบร้อย
แต่งผม แต่งหนวด สวมพวงดอกไม้และเครื่องอาภรณ์ นุ่งผ้าขาว อิ่มเอิบ
พรั่งพร้อม บำเรออยู่ด้วยกามคุณ 5 เหมือนเธอกับอาจารย์ในบัดนี้
หรือไม่.
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ฯ ล ฯ.

ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฤาษีเหล่านั้น
บริโภคข้าวสาลีที่เก็บกากแล้ว มีแกงและกับหลายอย่าง เหมือนเธอกับ
อาจารย์ในบัดนี้ หรือไม่.
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ฯ ล ฯ.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ . . . ฤาษีเหล่านั้นบำเรออยู่ด้วยเหล่านารีผู้มีผ้าโพก
และมีร่างกระชดกระช้อย เหมือนเธอกับอาจารย์ในบัดนี้หรือไม่.
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ฯ ล ฯ.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ... ฤาษีเหล่านั้นใช้รถเทียมลาหางตัดตกแต่ง
แล้ว เอาปฏักด้ามยาวทิ่มแทงสัตว์พาหนะขับขี่ไป เหมือนเธอกับอาจารย์
ในบัดนี้หรือไม่.
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ฯ ล ฯ.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ. . . ฤาษีเหล่านั้นใช้บุรุษขัดกระบี่ ให้รักษาเชิงเทิน
แห่งนครที่มีคูล้อมรอบ ลงลิ่ม เหมือนเธอกับอาจารย์ในบัดนี้ หรือไม่.
ไม่เหมือน พระโคดมผู้เจริญ ฯ ล ฯ.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอกับอาจารย์มิได้เป็นฤาษีเลย ทั้งมิได้ปฏิบัติ
เพื่อเป็นฤาษี ด้วยประการฉะนี้แล ดูก่อนอัมพัฏฐะ ผู้ใดมีความ
เคลือบแคลง สงสัยในเรา ผู้นั้นจงถามเราด้วยปัญหา เราจักชำระให้ด้วย
การพยากรณ์.
(170) ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากพระวิหาร
จงกรมแล้ว. แม้อัมพัฏฐมาณพก็ออกจากพระวิหารเดินจงกรม ขณะที่
อัมพัฏฐมาณพเดินจงกรมตามพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่นั้น ได้พิจารณาดู
มหาปุริสลักษณะ 32 ประการ ในพระกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็

ได้เห็นมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ โดยมาก เว้นอยู่ 2 ประการ คือ
พระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก 1 พระชิวหาใหญ่ 1 จึงยังเคลือบแคลงสงสัย ไม่
เชื่อไม่เลื่อมใสอยู่.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า อัมพัฏฐมาณพนี้เห็น
มหาปุริสลักษณะ 32 ประการของเรา โดยมาก เว้นอยู่ 2 ประการ
คือ คุยหะเร้นอยู่ในฝัก 1 ชิวหาใหญ่ 1 ยังเคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อ
ไม่เลื่อมใสอยู่. ทันใดนั้นจึงทรงบันดาลอิทธาภิสังขารให้อัมพัฏฐมาณพ
ได้เห็นพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก และทรงแลบพระชิวหาสอดเข้าช่องพระ
กรรณทั้ง 2 กลับไปกลับมา สอดเข้าช่องพระนาสิกทั้ง 2 กลับไปกลับมา
แผ่ปิดจนมิดมณฑลพระนลาต.
(171) ครั้งนั้น อัมพัฏฐมาณพคิดว่า พระสมณโคดมประกอบ
ด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ บริบูรณ์ ไม่บกพร่อง ดังนี้แล. เขา
จึงได้ทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้า
ขอทูลลาไป ณ บัดนี้ ข้าพเจ้ามีกิจมาก มีธุระมาก.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอจงสำคัญกาลอันควรบัดนี้. แล้วอัมพัฏฐ-
มาณพ
ก็ขึ้นรถเทียมลากลับไป.

โปกขรสาติพราหมณ์


(172) สมัยนั้นพราหมณ์โปกขรสาติลุกออกมานั่งคอยรับ
อัมพัฏฐมาณพอยู่ ณ อาศรมของตน พร้อมด้วยพราหมณ์หมู่ใหญ่. ฝ่าย
อัมพัฏฐมาณพขับรถไปอาศรมของตน จนสุดทางที่รถไปได้แล้ว ลงเดิน
เข้าไปหาพราหมณ์โปกขรสาติ ไหว้แล้วนั่งอยู่ ที่ควรข้างหนึ่ง.